เสียภรรยาไปเพราะโรคมะเร็งปากมดลูก

          วันนี้ผมขอเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องสูญเสียภรรยาไปด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกด้วยวัย 65 ปี เขาคือ คุณคมคาย – อนันต์ อาณาวิริศ เล่าว่า ในขณะที่ภรรยายังมีชีวิตอยู่นั้นคุณคมคายได้อุทิศทั้งกายและใจปรนนิบัติดูแลภรรยาตลอดเวลา 24 ชั่วโมงนานกว่า 11 เดือน จนถึงวาระสุดท้ายของภรรยา

ประสบการณ์เสียภรรยาด้วยโรคมะเร็งปากมดลูก

          คุณอิ่มภรรยาป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก อัลไซเมอร์ และหัวใจ แค่เฉพาะค่ารักษามะเร็งเดือนหนึ่งต้องเสียค่ารักษาพยาบาลกว่า 300,000 บาท รวมค่ารักษาทุกโรคเบ็ดเสร็จก็เกือบๆ 10 ล้านบาท เพราะรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน อยากให้ภรรยาหายเป็นปกติไว้ แต่สุดท้ายกลับทำได้เพียงยื้อชีวิตไว้ได้เพียงระยะสั้นๆ เท่านั้น

          “ระหว่างที่รักษาทั้งครอบครัวช่วยกันดูแลควบคู่กับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน สิ่งที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันคือ ทำกับข้าวให้ทาน นวดตัว ร้องเพลงให้ฟัง และชวนกันสวดมนต์”

          สำหรับการนวดตัวนั้นคุณคมคายนวดเน้นที่บริเวณแขน แผ่นหลัง ขาและเท้า ประมาณ 15-30 นาที เพื่อช่วยผ่อนคลายความเครียด เสมือนเป็นการบอกให้ภรรยาได้รับรู้ว่าเรารักและเป็นห่วงเขาอยู่เสมอ ส่วนลูกๆ จะคอยผลัดกันมานวดหรือสวดมนต์ให้ฟังในวันเสาร์-อาทิตย์ นอกจากนั้น คุณคมคายยังให้ญาติที่เป็นนักกำหนดอาหารวิชาชีพช่วยแนะนำเรื่องอาหารการกิน

          คุณคมคายเล่าต่ออีกว่า “ทั้งบ้านกินแต่ข้าวกล้อง ผักสดที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ ทำน้ำเต้าหู้ดื่มเอง และพยายามเลิกใช้สารเคมีอันตรายทุกชนิด เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ ผกซักฟอก เป็นต้น เพราะคิดว่าร่างกายของคุณอิ่มอ่อนแอมาก ทั้งจากการผ่าตัดและเคมีบำบัด ควรใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติจากแหล่งที่เชื่อถือได้ สะอาด และปลอดภัยมากกว่า”

ประสบการณ์ผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก

          ด้วยความรักและใส่ใจอย่างละเอียดอ่อน คุณคมคายอาบน้ำ เช็ดตัว คอยป้อนข้าว จัดยาให้คุณอิ่มด้วยตัวเองทุกวัน และเพื่อไม่ให้คุณอิ่มเครียดจากการเผชิญ 3 โรคร้ายในคราวเดียว คุณคมคายถึงกับแอบไปเรียนร้องเพลง เพื่อที่จะได้ร้องเพลงไทยเดิมเพราะๆ ให้คุณอิ่มได้ฟังยามบ่ายและก่อนสวดมนต์เข้านอน

          “ลูกๆ จะคอยเปิดเพลงบรรเลงให้คุณอิ่มฟัง แต่ผมคิดว่าอย่างมากก็ฟังผ่านๆ หู แต่ถ้าคุณอิ่มได้ฟังจากปากคนร้องสดๆ คงจะได้รับความบันเทิงมากกว่า และเป็นจริงดังที่คาด เพราะแม้ขณะที่คุณอิ่มอ่อนเพลียจนลุกเดินไม่ไหว ยังหัวเราะไปกับเพลงเพี้ยนๆได้”

          ถึงแม้ว่าคุณอิ่มจะจากโลกนี้ไปแล้วแต่เชื่อเหลือเกินว่าความประทับเหล่านี้จะยังคงอยู่ตราบนานเท่านาน จากประสบการณ์ที่ได้นำมาเล่าให้ผู้อ่านฟังทำให้เห็นอย่างหนึ่งได้อย่างชัดเจนเลย คือ กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่จะทำให้ผู้ป่วยนั้นมีความสุข และมีกำลังใจที่สู้กับโรคมะเร็งปากมดลูก ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนแรง แต่ถ้าพลังใจเรามีอย่างล้นหลามยังไงก็สู้ไหวครับ

คุณสามารถอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ โรคมะเร็งปากมดลูกได้ที่นี่เลย
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก www.cancer.gov , www.cheewajit.com


0 ความคิดเห็น: